อ่านนิยาย...คุณได้อะไร?
มุมนี้..ขอมีบทความกับเขาบ้างจ้า~*
เกิดมาไม่เคยมีบทความอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่วันนี้คึก ๆ นึกสนุก แต่ก็ไม่รู้จะเขียนอะไรดี .. งั้นเอางี้ .. ขอประเดิมด้วยเรื่องในวงนิยายใกล้ตัว 'พร่างพระพาย' ก่อนดีกว่าค่ะ ---- แต่แค่ขอคุยกันเล่นๆ นร้าาาาา ยังไม่จริงจัง~* และ (ปล.) ขอบอกก่อนว่า บทความนี้เกิดมาจากความซอกแซกอ่านโน่นเจอนี่มาแล้วนำมาประมวลใหม่ให้อ่านกันเล่น ๆ เท่านั้น มิได้เกิดมาจากงานวิจัยใด ๆ นร้าาาา ..
🎠 มาเริ่มผจญภัยกันเลยดีกว่าค่ะ! … เนิ่ง ส่อง ซั่ม!!
'นวนิยาย' หรือ 'นิยาย' ที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกันนั้น นับเป็นรูปแบบหนึ่งของงาน 'วรรณกรรม' ที่นอกจะนำความบันเทิง ละมุนใจ หรือความฉุกคิดมาให้ จะมากจะน้อยนั้นก็มักขึ้นกับแนวทาง หมวดหมู่ ความรอบรู้ของผู้แต่งที่ส่งสารมายังผู้อ่าน ซึ่งถูกถ่ายทอดหรือนำเสนอมาในแบบร้อยแก้ว บ้างอาจจะประกอบด้วยร้อยกรองที่มาช่วยถักทอเป็นเรื่องราวให้ชวนน่าอ่านมากขึ้นก็ไม่ถือว่าผิดกระไร อีกทั้งสมัยนี้เราก็ยังมีนิยายที่มีภาพประกอบออกมา ผสมผสานกับการเขียนบรรยายอย่างที่เรียกว่า Light Novel กันนั่นล่ะค่ะ
นิยาย ส่วนใหญ่ถือกำเนิดเกิดจากจินตนาการ เรื่องเล่า สร้างผ่านตัวอักษร ถ่ายทอดและมักถูกต่อยอดไปจนกลายเป็น ละครวิทยุ บทละครโทรทัศน์ ภาพยนต์ อนิเมชั่น ตามการพัฒนาและการก้าวหน้าของสื่อในแต่ละยุคแต่ละสมัย แต่ถ้านิยายเรื่องไหนเป็นที่นิยม มีคุณค่าทางวรรณกรรมครบองค์ประกอบ และหากคนส่วนใหญ่ยังนิยมหาอ่านติดตามกันอยู่เป็นเวลานานมากพอ นิยายก็จะกลายไปเป็น 'วรรณคดี' ส่งต่อให้ลูกหลานได้อ่านกันไปอีกเนิ่นนาน
อ่านนิยาย...คุณได้อะไร?
เอาเท่าที่รวบรวมมาก็น่าจะประมวลได้มาเป็นหัวข้อใหญ่ ๆ ว่า เราจะได้ทักษะการอ่าน การใช้ภาษา ฝึกจินตนาการ คลายเครียด และ ฝึกสมาธิ … ซึ่งมันก็จริงปะ?
ข้อแรก : ฝึกสมาธิ การอ่านนิยายซึ่งเป็นเรื่องราวต่อเนื่อง จึงมักดึงสมาธิให้เราไปจดจ่ออยู่กับมันได้ดี ยิ่งมีสมาธิสูงก็ยิ่งจดจ่อมาก แต่ตรงนี้ย่อมมีข้อควรระวังกันนิดนะคะ เพราะการที่หลงเพลินเกินไป เราอาจจะไม่ทันรับรู้เรื่องรอบตัวในขณะนั้นสักเท่าไหร่ คือบางคนอาจมีสมาธิมากเกินไป .. ใครเรียกไม่ยอมหือ ใครร้องหาไม่ยอมขาน แม่เรียกไปล้างจานเราก็ยังไม่หลุดจากภาวะนิพพานสีชมพูได้สักที หากเป็นอย่างงี้แม่คงเดินตามมา..ป้าบ! .. หรือเรียกง่าย ๆ ว่าสติเราอาจหละหลวมไปนิดเนิ่งน่ะค่ะ เพราะฉะนั้นจึงควรอ่านให้ถูกที่ถูกเวลาน่าจะดีกว่านะคะ … แม่กราบบบบบบบบ ...
ข้อสอง : ฝึกนิสัยรักการอ่าน ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เราได้เขียนบทความเก่งขึ้น อ่านหนังสือคล่องขึ้น ใช้ภาษาได้ดีขึ้น แน่นอนว่า นิยายส่วนใหญ่ เรามักจะเน้นเสพความบันเทิงในตัวอักษรที่ปรุงแต่งเป็นเรื่องราวจากภาษาที่สละสลวย และผ่านการตรวจตราให้ถูกต้องมาบ้างแล้ว --- แต่ในฐานะนัก(อยาก)เขียน ที่ผ่านผลงานนิยาย eBook ที่ชอบทำปกเองด้วย ตรวจอักษรเองด้วยทั้งหมดมาแล้วบ้างแล้ว ก็คงต้องขอยอมรับว่ามันจะมีบางคำที่หลงหูหลงตา เพราะอาการวิงเวียนตาลายจากช่วงตรวจสะกดไปนะคะ ( Orz คุกเข่า - ข้าน้อยขอยอมรับผิดเพราะมักชะล่าใจไปนิดน่ะค่ะ ) แต่ส่วนใหญ่นักเขียนที่ดีเขาจะระมัดระวังในเรื่องนี้กันอย่างมากอยู่ทุกครั้งนะคะ ---
ข้อสาม : สร้างจินตนาการ สร้างเป้าหมาย สร้างแรงบันดาลใจให้เราได้ อย่างเช่นในนิยายจีนรุ่นเก่าที่วนมาโลดเล่นในจอหลายต่อหลายครั้งอย่าง 'พี่เตี้ยบ่อกี้' พระเอกของเราก็แลคล้ายจะมีฮาเร็มเป็นของตนเอง 'พร่างพระพาย' ก็เลยอยากได้บ้าง ... อ๊ะ! ไม่ช่ายยยยยย ( ขอภัยท่านจอมยุทธกี้ที่ข้าน้อยพาดพิงมา ณ ที่นี้ #ยกน้ำชา .. กราบฟ้าดิน ) … โอ๊ะ! นี่ก็นอกเรื่อง..ไถลออกมหาสมุทรไปจนจะสุดขอบจักรวาลอีกล่ะ! กลับมา!!
อีกทั้งยังมีนิยายหลายเรื่อง ที่มักจะเสริมสร้างความรู้ด้านต่างๆ ทั้งในเรื่องของวงสังคม หรือในแนวอิงประวัติศาสตร์ ด้านเศรษฐศาสตร์ หรือหลายเรื่องในนิยายแนววิทยาศาสตร์ที่นักเขียนส่วนใหญ่จะต้องไปค้นคว้าข้อมูลอย่างจริงจัง เอาข้อมูลความรู้มาใส่ในเนื้อเรื่อง ส่วนด้านการเมืองการปกครองของแต่ละยุคสมัย ซึ่งนิยายโด่งดังหลายเรื่องเขาก็นิยมสอดแทรกเอาไว้ให้ รวมถึงการเรียนรู้เรื่องความเปลี่ยนแปลงของแต่ละสังคม แต่ละชนเผ่า ( หรือเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ เช่น เอลฟ์ ออร์ค พ่อมด หมาป่า แวมไพร์ ฯลฯ ไรงี้ … เอ้า! ใครเฟี้ยงอะไรมาฟร่ะ!?! ) ซึ่งย่อมน่าจะเปิดโลกทัศน์ และมุมมองใหม่ให้กับให้กับหลาย ๆ คน .. อีกทั้งนิยายยังช่วยเราคลายเครียดจากชีวิตจริง ที่บางคนอาจต้องเผชิญกับการแบกภาระที่เป็นแก่นสารหรือมีสาระเคร่งครัดจากการเรียน การทำงานมาบ้างอย่างแน่นอน ( นอนนะ! นอนหน่อย!! เอ๊ะ! บอกให้นอน!! #เสียงพระเอก )
ข้อสี่ : โลดแล่นไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างไร้ข้อขีดจำกัด เพราะนิยายบางเรื่องเขาก็หยิบเอาสังคมวัฒนธรรมในบางท้องถิ่นมาแทรก ทำให้เรารู้จักสถานที่ที่เราอาจไม่มีโอกาสได้ไปสัมผัสได้จริง และโดยที่เราไม่ต้องเสียเวลาเหน็ดเหนื่อยเดินทาง แต่เราใช้วิธีเดินผ่านจินตนาการจากตัวอักษรแทน ยิ่งหากเรื่องออกแนวแฟนตาซี หรือย้อนยุคย้อนสมัย หรือสถานที่ใด ๆ ในจินตนาการของผู้เขียนที่เขาจะสามารถฉุดดึงให้เราโลดแล่นติดตามไปได้ โดยไม่ต้องฝ่าฟันกับเหล่าพ่อมด ยักษา หรือว่ามังกรมาเฟียที่ชอบพ่นไฟปิ้งไก่ ระเบิดภูเขา เผากระท่อมตนใด ถือเป็นการประหยัดเวลาเดินทาง ค่าตั๋วเครื่องบิน กระทั่งเซฟชีวิตเราไปในตัวเลยนะนี่นะ ... ว่าปะ? #เสียงเพื่อนพระเอก
ข้อห้า : มุมมองการมองโลก เพราะการเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ผ่านตัวอักษรจะทำให้เรามีสมาธิ มีความเข้าใจความเป็นธรรมชาติของโลกมากขึ้น ผ่านมุมมองที่นักเขียนหลายท่านที่เคยอาจไปพบเจอ หรือฟังใครเขาเล่ามา จึงนำมาส่งต่อให้เรากลั่นกรองเพื่อเสริมสร้างมุมมองและระบบความคิดในการดำเนินชีวิตต่อไปของเราได้อีกด้วยค่ะ
ข้อ....พอล่ะ!! … เท่าที่รู้มันน่าจะมีอีกเยอะค่ะแต่มันก็มีข้อเสียหลายข้อแน่นอนล่ะ ซึ่งอันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละคนล่ะ
-
><(((('> ♡ ขอจบบทความแรกมา ณ ที่นี้นะคะ
โอร๋ย .. ตื่นเต้นจนมือเปียกหมดแย้ววววววว ♡ <*((((-<
-
อ่อ .. อย่าลืมแวะเข้ามาอ่าน ❛ นิยาย BY พร่างพระพาย ❜ กันได้ที่ตรงนี้นะคะ … ยินดีต้อนรับค่ะ ♡ #กวักมือ #ก้มกราบ
- BLOG : เลือกอ่านตัวอย่างนิยาย : 'กดตรงนี้นะคะ'
- มุมโปรด..โหลดนิยาย [eBook] : 'กดตรงนี้เลยสิจ๊ะ..อย่าขัดขืน'